อินทรีเหล็กกับเส้นทางสู่รอบชิงฯ

mesut ozil muslim 1

สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนครับ นับเป็นการเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นหนที่ 8 ของทีมชาติเยอรมัน หลังสามารถถล่มเอาชนะเจ้าภาพ บราซิล อย่างเหนือความคาดหมาย 7-1 อีกทั้ง มิโรสลาฟ โคลเซ่ ยังทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดฟุตบอลโลกของ โรนัลโด้ ได้สำเร็จ แต่เส้นทางก่อนที่พวกเขาจะผ่านมาถึงรอบนี้ได้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร จนในที่สุดก็หา 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงตัวได้สักที

โยอัคคิม เลิฟ เดินทางมาร่วมศึกฟุตบอลโลก 2014 พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เล็กน้อย กับการเลือกขุนพลทั้ง 23 คน โดยที่มีศูนย์หน้าอาชีพเพียงคนเดียวคือ มิโรสลาฟ โคลเซ่ หัวหอกตัวเก๋าที่มีอายุถึง 36 ปี สภาพร่างกายเมื่อเทียบกับเวิลด์ คัพครั้งก่อน ดูแล้วคงไม่น่าเป็นความหวังของทีมได้ เหมือนเป็นการเรียกเจ้าตัวมาเพื่อทำลายสถิติดาวซัลโวสูงสุดของโรนัลโด้ ที่ทำไว้ที่ 15 ประตูมากกว่า

ไม่ใช่ว่า “อินทรีเหล็ก” จะขาดแคลนกองหน้าไปซะทีเดียว ยังมีทั้ง สเตฟาน คีสลิงก์, มักซ์ ครูเซ่, ปิแอร์ มิเชล ลาซ็อกก้า, มาริโอ โกเมซ และ เควิน โฟลลันด์ แต่ในเมื่อโยกี้ตัดสินใจมาแบบนี้คงคาดเดาได้ไม่ยากว่าโธมัส มุลเลอร์ หรือ มาริโอ เกิทเซ่ จะได้รับบทบาทเป็นศูนย์หน้าเป็นแน่แท้

นักเตะอีกตำแหน่งที่ทำให้หลายคนคิดไม่ตกคือ ฟิลิปป์ ลาห์ม กัปตันทีมที่ถูก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โยกไปเล่นตำแหน่งกองกลางกับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค และยังสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ถือเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพราะหากเอา ลาห์ม มาเล่นตรงกลาง นั่นหมายถึงนักเตะอย่าง ซามี่ เคดิร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ โทนี่ โครส ต้องมีคนใดคนนึงที่ถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง

การโยกเอา ฟิลิปป์ ลาห์ม ไปยืนเป็นมิดฟิลด์จึงมีผลลูกโซ่มาถึงตำแหน่งแผงหลัง โยอัคคิม เลิฟ เลือกใช้ เยโรม บัวเต็ง, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ และ เบเนดิคท์ โฮเวเดส เป็นแผงแบ็กโฟร์ ซึ่งทั้ง 4 คนนี้ไม่มีใครเล่นตำแหน่งแบ็กขวา-ซ้ายอาชีพเลยสักคน ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าสุดท้ายแนวรับชุดนี้จะเหนียวแน่นสักแค่ไหน

ในนัดเปิดสนามที่พบกับ โปรตุเกส พวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการถล่มทีม “ฝอยทอง” เละเทะถึง 4-0 และ โธมัส มุลเลอร์ ซึ่งจมูกไวเหลือเกินยืนถูกที่ถูกเวลาเสมอ กดแฮตทริกแรกในศึกฟุตบอลโลก 2014 จั่วหัวได้น่าเกรงขามจริงๆ

แต่แล้วก็มาเจอความฟิตและความแข็งแกร่งของ “ดาวดำ” กานา ไล่บี้ตลอด 90 นาทีในนัดที่สอง แผงหลังโดนปั่นป่วนจากแนวรุกความเร็วสูงอย่าง อซาโมอาห์ กียาน และ คริสเตียน อัตซู อย่างหนัก สุดท้ายได้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ช่วยทำประตูตีเสมอ 2-2 ขึ้นไปทาบสถิติดาวยิงสูงสุด โรนัลโด้ ที่ 15 ประตูเรียบร้อย

เกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาพบกับ สหรัฐฯ ที่นำทัพมาโดย “ฉลามขาว” เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ นัดนี้ขอเพียงคะแนนเดียวก็จะผ่านเข้ารอบไปในฐานะแชมป์กลุ่ม จี ซึ่งนัดนี้โยกี้ เลิฟ ให้โอกาส ลูคัส โพดอลสกี้ ลงสนามเป็นตัวจริงด้วย แต่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก พวกเขาไล่บดทีมแยงกี้ตลอด 90 นาที และสุดท้ายเฉือนชนะได้เพียง 1-0 จากประตูชัยของ โธมัส มุลเลอร์

“อินทรีเหล็ก” ทะลุเข้ามาเจอกับแอลจีเรีย ในรอบ 16 ทีม นัดนี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ โยอัคคิม เลิฟ เห็นจุดอ่อนของแนวรับอย่างชัดเจน พวกเขาโดนลูกสวนกลับ และความเร็วของแนวรุกอย่าง อิสลาม สลิมานี, เอล อาร์บี ซูดานี่ และ โซฟิยาน เฟอกูลี่ เล่นงานเกือบเสียประตูหลายครั้ง โชคดีที่ได้ มานูเอล นอยเออร์ ที่ทำหน้าที่เหมือนสวีปเปอร์ตัวสุดท้าย วิ่งออกมาเคลียร์บอลช่วยทีมถึง 21 หน และเฉือนชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษไป 2-1

ความเชื่องช้าของแนวรับเกือบทำให้ทีมพังไปเมื่อเกมก่อน ในรอบ 8 ทีมที่พบกับทีมหินอย่าง “ตราไก่” ฝรั่งเศส โยกี้ ยอมถอย ฟิลิปป์ ลาห์มลงไปยืนเป็นแบ็กขวาตำแหน่งดั้งเดิมของเจ้าตัว มิดฟิลด์ตรงกลาง 3 คนจึงตกเป็นหน้าที่ของ ซามี่ เคดิร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ โทนี่ โครส

พวกเขาได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกมจาก มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ หลังจากนั้นก็เริ่มเน้นความเหนียวแน่นเป็นหลักอาศัยจังหวะที่ “เลส์ เบลอส์” ดันขึ้นสูงเพื่อทวงประตูสวนกลับเร็วแบบได้น้ำได้เนื้อหลายครั้ง แต่ก็ทำประตูเพิ่มกันไม่ได้จบเกมด้วยประตูโทนของ ฮุมเมิ่ลส์ ช่วยให้เยอรมันเข้าสู่รอบรองฯ เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันรักษามาตรฐานความยอดเยี่ยมไว้ได้เหมือนเดิม

สำหรับนัดล่าสุดที่พวกเขาชนะเจ้าภาพ บราซิล 7-1 กลายเป็นเกมประวัติศาสตร์ที่มีการทำลายสถิติมากมาย เริ่มจากการทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่ยิงได้ 16 ประตู แซงเจ้าเหยินใหญ่ โรนัลโด้ ที่ทำไว้ 15 ประตู และนี่ยังเป็นแมตช์ที่แซมบ้าพ่ายแพ้ยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมทั้งเป็นแมตช์ที่มีการทำประตูสูงสุดในรอบรองฯ ของฟุตบอลโลก

ทำให้เยอรมันผ่านเข้าสู่รอบชิงฯ เป็นครั้งที่ 8 เป็นการลุ้นตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่ 4 ขณะที่ โธมัส มุลเลอร์ ที่ยิงไปแล้ว 5 ลูก ยังมีโอกาสแซงดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์อย่าง ฮาเมส โรดริเกซ ที่ยิงไป 6 ประตู สำหรับรองชิงชนะเลิศจะลงฟาดแข้งกันวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม เวลา 02.00 น. สุดท้ายคงต้องมาลุ้นกันว่า เยอรมัน จะสามารถคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในรอบ 24 ปีได้หรือไม่ หลังเคยทำได้หนล่าสุดเมื่อปี 1990